วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ชูลส์ แวร์น


ชูลส์ กาบรีล แวร์น (ฝรั่งเศส: Jules Gabriel Verne) (8 กุมภาพันธ์, พ.ศ. 2371 - 24 มีนาคม, พ.ศ. 2448) หรือที่รู้จักกันว่า จูลส์ เวิร์น เกิดที่เมืองนองส์ (Nantes) ประเทศฝรั่งเศส เป็นนักเขียนชาวฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกการเขียนนิยายวิทยาศาสตร์สมัยแรกๆ แวร์นมีชื่อเสียงจากการเขียนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยในอวกาศ ใต้น้ำ และการเดินทางต่างๆ ก่อนจะมีการประดิษฐ์เรือดำน้ำ หรืออากาศยานจริงๆ เป็นเวลานาน นวนิยายของเขามักใส่เนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่สมจริง ซึ่งยังไม่คุ้นเคยกันในสมัยนั้นแต่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างดีในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะบุกเบิกงานด้านนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มีสัดส่วนที่น้อยกว่าเนื้อหาแนวอื่นๆ ที่เขาเขียน

บทประพันธ์ที่สำคัญได้แก่ Around the World in Eighty Days, Five Weeks In a Balloon, 20,000 Leagues Under the Sea นิยายวิทยาศาสตร์ในยุคท้าย ๆ ของ จูลส์ เวิร์นจะเริ่มสะท้อนถึงการมองเห็นด้านมืดของเทคโนโลยีรวมถึงการนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างผิดทาง เช่น The Clipper of the Clouds, The Master of the World จูลส์ เวิร์นเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2448 ภายเขาได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์โลก" ร่วมกับ เฮช. จี. เวลล์ (Herbert George Wells) นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งนักเขียนทั้งสองคนนี้ได้มีอิทธิพลต่อนิยายวิทยาศาสตร์และวงการวิทยาศาสตร์มาจนถึงปัจจุบันนี้

ชื่อของชูลส์ แวร์น ถูกนำไปตั้งเป็นชื่อของ ยานขนส่งอัตโนมัติ (Automated Transfer Vehicle - ATV) ลำแรกขององค์การอวกาศยุโรป[1] ซึ่งจะทำหน้าที่ขนส่งพัสดุ รวมทั้งต้นฉบับนิยายวิทยาศาสตร์ของเขา ขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550[2]

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

10 เมืองที่เป็นมิตรต่อการขับขี่จักรยานมากที่สุดในโลก โดยใน 10 อันดับ

10 เมืองที่เป็นมิตรต่อการขับขี่จักรยานมากที่สุดในโลก โดยใน 10 อันดับนั้นประกอบด้วย
อันดับที่ 1 เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
ที่เมืองนี้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงสุด เพราะว่า ประชากรเกือบ 40% ในกรุงอัมเตอร์ดัมเดินทางโดยการใช้รถจักรยาน แถมในเมืองนี้ยังมีจักรยานสาธารณะให้เช่ากันอย่างแพร่หลาย ทั้งยังมีแผนจัดสร้างที่จอดจักรายานขนาดใหญ่ที่สถานีรถไฟหลักประจำเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว

อันดับที่ 2 เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
สำหรับเมืองนี้ 32% ของประชากรจะขี่จักรยานไปทำงานเป็นกิจวัตรประจำวัน และทางเมืองโคเปนเฮเกนยังมีวัฒนธรรมในการสนับสนุนให้ใช้รถจักรยานประจำเมืองด้วยการอนุญาตให้เช่ารถจักยานสาธารณะได้ฟรี โดยผู้เช่าจ่ายเพียงค่ามัดจำเท่านั้น

อันดับที่ 3 เมืองโบโกต้า ประเทศโคลัมเบีย
เนื่องจากประชากรในเมืองโบโกต้าที่ครอบครองรถยนต์มีเพียงแค่ 13% เท่านั้น การสัญจรโดยจักรยานจึงเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งทางการของเมืองโบโกต้ายังได้สนับสนุนการไม่ใช้รถ ด้วยการปิดถนนระยะทาง 70 ไมล์ เป็นเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเปิดทางสะดวกให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยาน นักวิ่งจ็อกกิ้ง/ผู้เดินเท้า รวมถึงนักเล่นสเก็ตอีกด้วยค่ะ

อันดับที่ 4เมืองคูริติบา ประเทศบราซิล
จริงๆ แล้วเมืองคูริติบามีแผนการสนับสนุนการสัญจรด้วยจักรยานมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว โดยในเมืองนี้จะมีการสร้างเลนจักรยานอยู่ทั่วทุกแห่งในคูริติบา นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่สนับสนุนการขี่จักรยานเพราะเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยหลีกเลี่ยงสภาพรถติดของเมืองนี้ได้

อันดับที่ 5 เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา
เมื่อ 2 ปีก่อน เมืองมอนทรีได้ทุ่มงบประมาณจำนวน 134 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,422 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงทางเดินรถจักรยานและสร้างที่ล็อกรถจักรยานอยู่ในที่จอดรถของเมือง นอกจากนั้น เมืองมอนทรีออลยังประกาศว่าขณะนี้ตนเองได้สร้างเลนจักรยานเป็นระยะทาง 2,400 ไมล์ และมีแผนจะขยายความยาวเพิ่มขึ้นอีก ที่สำคัญนครใหญ่อันดับ 2 ของแคนาดาถือเป็นเมืองแรกของภูมิภาคอเมริกาเหนือ ที่รวมเอาแผนงานเกี่ยวกับรถจักรยานเข้าไปในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอีกด้วย

อันดับที่ 6 เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
เมืองนี้มีทางสัญจรสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ ซึ่งทางที่สร้างขึ้นนั้นจะผ่านหน้าบ้านของประชาชนพอดี นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายจักรยานราคาถูกให้แก่ประชาชนที่ฐานะไม่ดีอีกด้วย สำหรับทางเดินรถจักรยานในพอร์ตแลนด์มีความยาว 260 ไมล์ และผู้คนเกือบ 9 % ของเมืองได้หันมาสัญจรโดยใช้รถจักรยาน

อันดับที่ 7 เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ที่บาเซิลมีถนนที่เอื้อต่อผู้ขับขี่จักรยาน นอกจากนี้เมืองยังสนับสนุนเครือข่ายกิจการให้เช่ารถจักรยานแก่ประชากรทั่วไปและนักท่องเที่ยวอีกด้วย

อันดับที่ 8เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน
ที่บาร์เซโลนาได้มีการสร้างทางรถจักรยานที่เรียกว่า "อะ กรีน ริง" อยู่รอบใจกลางเมือง โดยในวงแหวนนี้จะมีสถานีรถจักรยานประจำการอยู่ถึง 100 แห่ง ซึ่งประชาชนสามารถเช่าและคืนรถจักรยานสาธารณะได้ในสถานีที่แตกต่างกัน

อันดับที่ 9 เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน
ถึงแม้ว่าในปักกิ่งจะมีจำนวนรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การเดินทางโดยจักรยานก็ถือเป็นการเดินทางที่ดีที่สุดของเมืองนี้ เพราะเนื่องจากปัญหารถติด ทำให้จักรยานเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้นอกจากรัฐบาลยังให้การ่สนับสนุนให้ผู้คนใช้จักรยานแล้ว อากาศที่ดีก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญซึ่งส่งผลให้คนจีนในปักกิ่งยังนิยมขี่จักรยานกันอยู่

อันดับที่ 10 เมืองทรอนด์เฮม ประเทศนอร์เวย์

สำหรับที่นี่แล้วอุปสรรคสำคัญสำหรับการมีพาหนะเป็นรถจักรยานในเมืองที่มีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเขา ก็คือ การต้องใช้พลังงานอย่างหนักหน่วงในการปั่นจักรยานขึ้นเนิน แต่เมืองทรอนด์เฮมกลับสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า "ลิฟท์จักรยาน" ซึ่งมีวิธีการเคลื่อนไหวคล้าย ๆ กับการลากสกี ขึ้นมา เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถนำรถจักรยานของตนเองขึ้นเนินเขาได้โดยไม่ต้องเสียแรงปั่น ทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถจักรยานอีกด้วย
ได้เห็นแบบนี้แล้วก็ต้องหันกลับมามองเรื่องของระบบจราจรในบ้านเราเหมือนกันนะคะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีเส้นทางสัญจรสำหรับรถจักรยานโดยเฉพาะสักที เราจะได้หันมาอนุรักษ์พลังงานกันด้วยการปั่นจักรยานบ้างยังไงล่ะค่ะ …

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

7 เคล็ดลับเด็ด กิน Fast food แบบไม่อ้วน


1. เพิ่มทอปปิ้งผักให้มากขึ้นในแซนวิช หรืออาหารชุดที่สั่ง เช่นผักสด มะเขือเทศ หัวหอม จะช่วยเพิ่มวิตามิน ใยอาหารและรสชาติของ แซนด์วิชแต่เพิ่มเพียงไม่กี่แคลอรี่เท่านั้น
2. เลือกน้ำสลัดที่มีไขมันต่ำ หรือแบบน้ำใส แต่ถ้าใครบอกว่ามันไม่อร่อยล่ะก็ ลองเลือกน้ำสลัดแบบที่ใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เป็นส่วนผสมจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
3. ไม่ควรเพิ่มเกลือในอาหารอีก เพราะในอาหารมีความเค็มของโซเดียมมากเกินพออยู่แล้ว การรับประทานรสเค็มมากจนเกินไปจะทำให้ ไตทำงานหนัก

4. ซอสมะเขือเทศมีส่วนผสมของน้ำตาลเยอะกว่าที่เราคิด แถมบางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของน้ำส้มสายชูมากเพื่อเพิ่มรสเปรี้ยว หากคนไหนรับประทานอาหารฟาสฟูตแล้วหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็สามารถลดปริมาณทานซอสให้น้อยลงได้
5. ถ้าเป็นไปได้เลือกไก่ย่างดีกว่าไก่ทอดและจะแคลอรี่และไขมันน้อยกว่า
6. ชีสหรือเนยแข็ง เป็นไขมันอิ่มตัวสูง แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็เลือกทานชีสแบบที่มีแคลเซี่ยมสูงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
7. เลือกดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้สดแทนน้ำอัดลม

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

ภาษาอังกฤษอ่อนแอ แก้ได้จ้า



เพื่อนคนไหนที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยจะแข็งแรงไม่ต้องกลัวไปค่ะเรามีเคล็ดลับดีๆมาบอกเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เพื่อนๆเก่งภาษาอังกฤษขึ้นอย่างแน่นอน
1. ไปหาซื้อ Dictionary มา 1 เล่ม เอาเล่มที่ด้านหนึ่งแปลอังกฤษ - ไทย อีกด้านแปลไทย - อังกฤษ เอาเล่มขนาดพอดีๆ พกพาสะดวก

2. ลองนั่งในห้อง แล้วมองดูว่า ในห้องที่เรานั่งอยู่ มีเครื่องใช้อะไรบ้างที่เราไม่รู้ภาษาอังกฤษ แล้วเปิด Dictionary ดูว่าสิ่งนี้ภาษาอังกฤษคืออะไร แล้วก็จดไว้ในสมุดเลคเชอร์ เช่น มองเห็นตู้เย็น ก็เปิดดูๆ โอ้ refrigerator นั่นเอง ลองทำบ่อยๆ วันละ 1-10 คำ ไม่ต้องไม่ซีเรียสกับมานมาก แต่ขอให้เปิดดูบ่อย ๆ ว่างๆก็เอามาเปิดดู

3.เวลาไปไหนมาไหน ลองสังเกตุป้ายโฆษณา ข้อความต่างๆ ที่เป็นภาษาอังกฤษ เช่น..ป้ายจราจร shift left = เลี้ยวซ้าย ลองจำไว้ คำไหนไม่รู้ความหมาย ก็ลองจดมาหาความหมายทีหลังก็ได้ค่ะ

4.เวลาตามร้านหนังสือที่เขาลดราคา ก็ลองเปิดดูหนังสือภาษาอังกฤษบ้าง เช่น บทสนทนาภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการท่องเที่ยว แล้วก็ลองจำสำนวนแปลก หรือคำที่เราไม่รู้ หรือไม่เคยใช้ มาจดในสมุดเลคเชอร์ (อิอิ แอบประหยัด)

5.ทำอย่างนี้บ่อยๆ ไม่ต้องซีเรียสกับมัน แต่ให้สนใจเปิดหนังสือที่เพื่อนเลคเชอร์ บ่อยๆ หรือสนใจภาษารอบข้างเรา เราก็จะได้ไปเอง